วันนี้ เพื่อนๆนายกฤษณะ หรือโต้ง ถาวร ได้โพสข้อความและโพสรูปการส่งโต้ง เป็นครั้งสุดท้าย แต่ที่อยากให้ทุกคนได้อ่านคือเรื่องนี้ ที่เพื่อนน้องโต้งได้ถ่ายทอดเป็นตัวหนังสือให้เราได้อ่าน ไว้แบบนี้ จากเฟสบุ๊คที่ใช่ชื่อว่า นาวาซ naskas บัวเผื่อน
๑๓ มีนาคม ๒๕๕๙ ซึ่งเป็นวันเกิดของโต้ง และถือว่าเป็นสิริมงคลสำหรับชีวิตที่จะได้นำเอกสารวสารนิพนธ์ฉบับสมบูรณ์มาส่งที่สำนักงานหลักสูตรปริญญาโท สาขาสันติศึกษา และจะได้ประกาศให้โลกรู้ว่า โต้งกำลังจะเป็นมหาบัณฑิต และเข้ารับปริญญาโท ในวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๕๙ อีกราว ๑ เดือนข้างหน้า ในขณะที่โต้งขับรถเก่งมาถึงทางโค้งก่อนเข้าประตูมหาวิทยาลัยประมาณ ๕๐๐ เมตร ได้เกิดอุบัติเหตุโดยมีรถเบนซ์วิ่งมาด้วยความเร็วชนด้านท้ายของรถ จนทำให้รถคว่ำหลายตลบจนหมดสติภายในรถ และเมื่อถังแก๊สระเบิดจึงทำร่างถูกเผาใหม่ในระยะเวลาอันรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำเกิดความอัศจรรย์สำหรับคนทั่วไปที่พบเห็นคือ ในขณะที่รถเก่งที่ถูกชนพลิกคว่ำหลายตลบนั้น เอกสารจำนวนมากที่เกี่ยวข้องกับการขอจบการศึกษา ได้กระเด็นและปลิวออกมาจากตัวรถโดยมิได้ถูกเผาไหม้ไปกับร่างของโต้ง สิ่งนี้ได้สะท้อนว่า แม้ว่าร่างกายจะถูกเผาใหม่ แต่ตัวธรรมะที่เป็นประดุจชีวิตและเลือดเนื้อที่ผ่านการเขียนจากหัวใจนั้น ไฟมิอาจเผาไปพร้อมกับร่างของโต้งได้ ด้วยเหตุนี้ โต้งจึงได้ทิ้งมรดกธรรมที่เป็น “ธรรมเจดีย์” เอาไว้ให้โลกได้ศึกษา เรียนรู้จดจำและนำไปปฏิบัติต่อไป จนกลายเป็นคำเล่าขานว่า “โต้งเสียชีวิต แต่ไม่เสียสันติธรรม”
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำเกิดความอัศจรรย์สำหรับคนทั่วไปที่พบเห็นคือ ในขณะที่รถเก่งที่ถูกชนพลิกคว่ำหลายตลบนั้น เอกสารจำนวนมากที่เกี่ยวข้องกับการขอจบการศึกษา ได้กระเด็นและปลิวออกมาจากตัวรถโดยมิได้ถูกเผาไหม้ไปกับร่างของโต้ง สิ่งนี้ได้สะท้อนว่า แม้ว่าร่างกายจะถูกเผาใหม่ แต่ตัวธรรมะที่เป็นประดุจชีวิตและเลือดเนื้อที่ผ่านการเขียนจากหัวใจนั้น ไฟมิอาจเผาไปพร้อมกับร่างของโต้งได้ ด้วยเหตุนี้ โต้งจึงได้ทิ้งมรดกธรรมที่เป็น “ธรรมเจดีย์” เอาไว้ให้โลกได้ศึกษา เรียนรู้จดจำและนำไปปฏิบัติต่อไป จนกลายเป็นคำเล่าขานว่า “โต้งเสียชีวิต แต่ไม่เสียสันติธรรม”
No comments: